วีซ่าธุรกิจ/นักท่องเที่ยว

ในหน้านี้:


คำถามที่พบบ่อย

ข้อมูลทั่วไป

วีซ่าเยี่ยมเยียน B-1/B-2 เป็นวีซ่าสำหรับผู้ที่เดินทางไปสหรัฐอเมริกาชั่วคราวเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ (B-1) เพื่อพักผ่อน หรือเข้ารับการรักษาด้านการแพทย์ (B-2) โดยทั่วไปแล้ว วีซ่าชนิด B-1 เป็นวีซ่าสำหรับผู้เดินทางที่ต้องติดต่อกับผู้ร่วมงาน ผู้เข้าประชุมเชิงวิทยาศาสตร์ การศึกษา อาชีพ และธุรกิจ การจัดการสินทรัพย์ หรือต่อรองสัญญา วีซ่าชนิด B-2 สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางเพื่อการพักผ่อน การท่องเที่ยว เยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงหรือญาติ การรักษาด้านการแพทย์ และการเข้าร่วมงานการกุศล กิจกรรมเพื่อสังคม หรือกิจกรรมด้านการบริการ วีซ่า B-1 และ B-2 มักจะออกร่วมกันเป็นวีซ่าเดียว เป็นวีซ่าชนิด B-1/B-2

คุณสมบัติ

ผู้สมัครวีซ่าชนิด B-1/B-2 จะต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่กงสุลว่าท่านมีคุณสมบัติที่จะได้รับวีซ่าตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติของสหรัฐฯ (INA) โดยมาตรา 214(b) ของ INA จะสันนิษฐานว่าผู้สมัครวีซ่าชนิด B-1/B-2 นั้นมีเจตนาที่จะอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างถาวร ท่านต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานทางกฎหมายดังกล่าวให้เป็นที่พอใจว่า

  • วัตถุประสงค์ของการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกานั้นเป็นการเยี่ยมเยียนชั่วคราวเช่น เพื่อธุรกิจ การพักผ่อน หรือการรักษาด้านการแพทย์
  • ท่านวางแผนที่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นการชั่วคราวตามที่ระบุไว้
  • หลักฐานการเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายระหว่างอยู่ในสหรัฐอเมริกา
  • ท่านมีที่อยู่อาศัยนอกสหรัฐอเมริกาและมีความผูกพันทางสังคมหรือเศรษฐกิจในด้านอื่นๆ ที่จะทำให้แน่ใจว่าผู้สมัครจะเดินทางกลับประเทศเมื่อการเยี่ยมเยียนสิ้นสุดลง

พนักงานส่วนตัวหรือคนรับใช้และลูกเรือที่ทำงานในเรือเดินสมุทรต่างประเทศภายในไหล่ทวีปนอกชายฝั่งอาจมีคุณสมบัติได้รับวีซ่าชนิด B-1 ในบางกรณี

บุคคลต่างชาติบางคนไม่มีคุณสมบัติได้รับวีซ่าตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติและการขาดคุณสมบัติขอรับวีซ่าได้ที่นี่

เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นคำร้อง

หากท่านยื่นคำร้องขอวีซ่าธุรกิจ/ท่องเที่ยว ท่านต้องส่งเอกสารต่อไปนี้

  • แบบฟอร์มการยื่นคำร้องวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160) ไปที่เว็บเพจ DS-160 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DS-160
  • หนังสือเดินทางที่สามารถใช้สำหรับเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา โดยหนังสือเดินทางดังกล่าวนั้นจะต้องมีอายุใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ท่านตั้งใจจะอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างน้อยหกเดือน (นอกจากได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงรายประเทศ) สำหรับผู้ที่ใช้หนังสือเดินทางร่วมกับผู้เยาว์ โปรดทราบว่าแต่ละคนที่ต้องการวีซ่าจะต้องยื่นใบคำร้องขอวีซ่าแยกกัน
  • รูปถ่ายขนาด 2x2" (5 ซม.x5 ซม.) ที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือนหนึ่ง (1) ใบ รายละเอียดเกี่ยวกับข้อกำหนดของรูปถ่ายสามารถอ่านได้จากเว็บเพจนี้
  • ใบเสร็จชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าชั่วคราวในสกุลเงินท้องถิ่นที่เทียบเท่ากับจำนวน 185 ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าธรรมเนียมนี้ไม่สามารถขอคืนได้ เว็บเพจนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าว ในบางกรณีหากวีซ่าของท่านผ่านการอนุมัติแล้ว ท่านยังอาจต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในการออกวีซ่า โดยจะขึ้นอยู่กับสัญชาติของท่าน เว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯมีข้อมูลที่ช่วยระบุว่าท่านจะต้องชำระค่าธรรมเนียมในการออกวีซ่าหรือไม่ รวมถึงอัตราค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระดังกล่าวนั้น

นอกจากเอกสารดังที่กล่าวมาแล้ว ท่านต้องแสดงใบนัดสัมภาษณ์เพื่อยืนยันว่าท่านได้จองเวลานัดสัมภาษณ์ผ่านระบบนี้ และท่านยังสามารถนำเอกสารประกอบอื่นๆ ที่ท่านเชื่อว่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่กงสุลได้ติดตัวไปด้วย

วิธีการสมัคร

ขั้นตอนที่ 1

กรอกแบบคำร้องขอวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160)

ขั้นตอนที่ 2

ชำระค่าธรรมเนียมในการยื่นคำร้องขอวีซ่า

ขั้นตอนที่ 3

ทำการนัดสัมภาษณ์วีซ่าผ่านเว็บนี้ ท่านจะต้องใช้ข้อมูลต่อไปนี้ในการทำนัดสัมภาษณ์

  • หมายเลขหนังสือเดินทางของท่าน
  • หมายเลขใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าของท่าน (คลิก ที่นี่ หากท่านต้องการความช่วยเหลือในการค้นหาหมายเลขดังกล่าว)
  • หมายเลขบาร์โค้ดสิบ (10) หลักที่ระบุไว้บนหน้ายืนยันแบบฟอร์ม DS-160
ขั้นตอนที่ 4

ไปที่สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาตามวันและเวลาที่ท่านมีนัดสัมภาษณ์ ท่านต้องนำใบยืนยันนัดสัมภาษณ์ ใบยืนยัน DS-160 ของท่าน รูปถ่ายที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือนหนึ่งใบ หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันและเล่มเก่าทั้งหมดและใบเสร็จการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าตัวจริงมาด้วย คำร้องที่ไม่มีเอกสารทั้งหมดดังกล่าวจะไม่ได้รับการพิจารณา

เอกสารประกอบในการยื่นคำร้องขอวีซ่า

เอกสารพิ่มเติมในการยื่นคำร้องขอวีซ่าป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นที่เจ้าหน้าที่กงสุลจะนำมาพิจารณาประกอบการสัมภาษณ์ โดยเจ้าหน้าที่กงสุลจะตัดสินใบคำร้องแต่ละกรณีจากปัจจัยด้านอาชีพ สังคม วัฒนธรรม และปัจจัยอื่นๆที่มีอยู่ขณะที่ทำการตัดสิน โดยอาจดูเจตนาของท่าน สถานการณ์ด้านครอบครัว แผนระยะยาวของท่าน ตลอดจนสถานการณ์ภายในประเทศที่ท่านอาศัยอยู่ ซึ่งแต่ละกรณีจะได้รับการพิจารณาเป็นรายบุคคลภายใต้กฎหมาย

ข้อควรระวัง: อย่าแสดงเอกสารปลอม การหลอกลวงหรือการกรอกข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงอาจทำให้ท่านเสียสิทธิ์ในการร้องขอวีซ่าอย่างถาวร หากท่านมีความกังวลเรื่องความลับของข้อมูล ผู้สมัครควรนำเอกสารต่างๆ ใส่ซองปิดผนึกมายังสถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาด้วยตนเอง สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาจะไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อผู้ใดและจะเคารพข้อมูลที่เป็นความลับของท่าน

ท่านควรนำเอกสารต่อไปนี้มาในวันสัมภาษณ์ ควรนำเอกสารตัวจริงมาแทนสำเนา อย่าส่งโทรสาร อีเมล หรือส่งเอกสารประกอบของท่านไปยังสถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาทางไปรษณีย์

  • หลักฐานแสดงรายได้ การชำระภาษี เอกสารครอบครองทรัพย์สินหรือธุรกิจ หรือสินทรัพย์
  • รายละเอียดการเดินทางและ/หรือคำอธิบายอื่นๆ เกี่ยวกับการเดินทางของท่าน
  • หนังสือจากผู้ว่าจ้างแสดงรายละเอียดตำแหน่ง เงินเดือน ระยะเวลาการว่าจ้าง และการอนุมัติวันหยุดหรือวัตถุประสงค์ทางธุรกิจในการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา
  • ประวัติอาชญากรรมหรือการดำเนินคดีในศาลเกี่ยวกับการถูกจับกุมหรือถูกตัดสินโทษในทุกที่ แม้ว่าท่านจะได้ชดใช้ความผิดนั้นแล้วหรือได้รับอภัยโทษในภายหลังก็ตาม

นอกจากนั้น ท่านควรพิจารณานำเอกสารต่อไปนี้มาด้วย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการเดินทางของท่าน

นักเรียน

นำผลการเรียนล่าสุด ใบรับรองผลการศึกษา และใบรับปริญญา/ใบประกาศนียบัตรมาด้วย นำหลักฐานการสนับสนุนทางการเงินเช่น ใบแจ้งยอดบัญชีรายเดือนจากธนาคาร ใบรับเงินฝากประจำ หรือหลักฐานอื่นๆ

ผู้บรรลุนิติภาวะที่ทำงานแล้ว

นำหนังสือว่าจ้างจากผู้ว่าจ้างและสลิปเงินเดือนสามเดือนที่ผ่านมา

นักธุรกิจและผู้อำนวยการบริษัท

นำหลักฐานแสดงการดำรงตำแหน่งในบริษัทและเงินตอบแทน

เดินทางไปเยี่ยมญาติ

นำสำเนาหลักฐานสถานภาพของญาติที่อยู่ในประเทศสหรัฐฯ (เช่นกรีนการ์ด ใบรับรองสัญชาติ วีซ่าที่ยังไม่หมดอายุ เป็นต้น)

ผู้เคยเยี่ยมเยียนสหรัฐอเมริกา

หากท่านเคยเดินทางไปสหรัฐอเมริกามาก่อน ให้นำเอกสารยืนยันการเดินทางเข้าประเทศและสถานะวีซ่ามาประกอบ

เอกสารประกอบสำหรับผู้สมัครที่ต้องการเข้ารับการรักษาพยาบาล

หากท่านต้องการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล ท่านควรเตรียมเอกสารประกอบต่อไปนี้นอกเหนือจากเอกสารที่ระบุไว้ข้างต้นและเอกสารที่เจ้าหน้าที่กงสุลอาจร้องขอ

  • รายงานการวินิจฉัยจากแพทย์ในประเทศของท่านที่อธิบายถึงลักษณะของอาการป่วยและเหตุผลที่ท่านต้องการเข้ารับการรักษาในสหรัฐอเมริกา
  • หนังสือจากแพทย์หรือสถานพยาบาลในสหรัฐอเมริกาแจ้งความยินยอมที่จะรักษาอาการป่วยดังกล่าว รวมทั้งรายละเอียดเรื่องระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษา (รวมทั้งค่าบริการของแพทย์ โรงพยาบาล และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอื่นๆทั้งหมด)
  • หนังสือแจ้งความรับผิดชอบด้านการเงินจากบุคคลหนึ่งหรือองค์กรที่ออกค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล และค่าพักอาศัยของท่าน บุคคลที่รับรองการชำระเงินค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะต้องแสดงหลักฐานว่ามีกำลังทรัพย์พอที่จะให้การสนับสนุนโดยมักจะอยู่ในรูปแบบของใบแจ้งยอดบัญชีจากธนาคาร เอกสารแสดงรายรับ/เงินออม หรือสำเนาการยื่นภาษีเงินได้

Electronic Visa Update System (EVUS)

ตามข้อตกลงที่ลงนามระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับสาธารณรัฐประชาชนจีนเรื่องการขยายอายุการใช้งานวีซ่าซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 พลเมืองจีนที่มีวีซ่าประเภทB1, B2 หรือ B1/B2 ที่มีอายุการใช้งาน 10 ปีในหนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีนจะต้องอัปเดตข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลอื่น ๆ จากแบบฟอร์มขอวีซ่าผ่านทางเว็บไซต์ทุกสองปี หรือเมื่อได้รับหนังสือเดินทางเล่มใหม่หรือได้รับวีซ่า B1, B2 หรือ B1/B2 ใหม่ ระบบนี้เรียกว่า EVUS (Electronic Visa Update System)

เว็บไซต์ EVUS เปิดให้บุคคลทั่วไปลงทะเบียนได้ที่ www.EVUS.gov ขณะนี้กรมศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ ยังไม่ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการลงทะเบียน EVUS กรมศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ คาดว่าในอนาคตจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการลงทะเบียน EVUS อย่างไรก็ตามยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน ผู้เดินทางสามารถลงทะเบียนใน EVUS ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จนกว่าจะมีนโยบายการเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการลงทะเบียน EVUS  กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กรมศุลกากรและการป้องกันชายแดน (CBP) จะแจ้งข้อมูลล่าสุดให้ผู้ถือวีซ่าทราบตลอดทั้งปี โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก www.cbp.gov/EVUS 

ข้อมูลเพิ่มเติม

ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าธุรกิจและนักท่องเที่ยวได้จากเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ